บทสัมภาษณ์พิเศษครั้งนี้ Hairworld Plus+ ทำตามคำเรียกร้องของแฟนๆ ที่อยากให้เราสัมภาษณ์ผู้บริหารในเครือสหพัฒน์ เกี่ยวกับเรื่องราวที่ถูกพูดถึงในวงกว้างของธุรกิจซาลอนสัญชาติญี่ปุ่น fufu ที่เครือสหพัฒน์ให้การสนับสนุน ก่อนหน้านี้เราได้มีโอกาสจับเข่าคุยกับฝั่งญี่ปุ่นไปแล้ว (สัมภาษณ์ คุณเคน ทาคาฮาชิ ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัท Fast Beauty บริษัทผู้ดำเนินธุรกิจร้านทำสีผมชื่อดัง fufu : fufu ธุรกิจซาลอนจากประเทศญี่ปุ่น โมเดลสร้างสรรค์สีผม ที่จะมอบรอยยิ้มแห่งความสุข และโอกาสทางธุรกิจให้กับช่างผมไทย) รอบนี้เราขอเปิดใจสองผู้บริหารสาวฝั่งไทยกันบ้าง คุณธีรดา อำพันวงษ์ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอซีซี จำกัด (มหาชน) และ คุณรมิดา รัสเซลล์ หรือคุณเบคกี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานสื่อสารองค์กร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ว่าในมุมของผู้ร่วมทุน ซึ่งถือเป็นเจ้าภาพฝั่งไทยจะสามารถนำพา fufu ให้โลดแล่นอยู่ในตลาดซาลอนประเทศไทยอย่างมีศักยภาพได้อย่างไร ช่างผมไทย ลูกค้าไทย ธุรกิจเสริมสวยไทย จะได้รับการพัฒนา และได้รับประโยชน์จากโมเดลธุรกิจนี้ในมิติไหนบ้าง ตามมาหาคำตอบเรื่องนี้ไปพร้อมๆ กับเราค่ะ
ตอนนี้เครือสหพัฒน์ถือแบรนด์ด้านเส้นผม และผลิตภัณฑ์สำหรับซาลอน อะไรบ้าง
คุณธีรดา : ปัจจุบันมี 3 แบรนด์ค่ะ คือ แบรนด์ Wella Professionals จากประเทศเยอรมนี แบรนด์ DEMI และแบรนด์ b-ex จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทั้ง 3 แบรนด์นี้อยู่ในความดูแลของ บมจ.โอซีซี เป็นแบรนด์สินค้าเพื่อเส้นผมที่มีคุณภาพสูง มีชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับอย่างมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะ DEMI เป็นแบรนด์สินค้าที่ได้รับการตอบรับอย่างดีมากจากลูกค้าชาวญี่ปุ่น และชาวเกาหลี และที่ผ่านมาเรามีการจัดอบรมและ Workshop ให้ความรู้เกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่น และเทคนิคใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์เส้นผมให้มีคุณภาพ และทันสมัยมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราได้รับการตอบรับจากลูกค้าซาลอนพาร์ทเนอร์ของเราเป็นอย่างดีค่ะ
ปัจจุบันตลาดซาลอนไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ร้านเสริมสวยกลายเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของคนทุกวัยไปแล้ว มองเรื่องนี้อย่างไรบ้างค่ะ
คุณธีรดา : ธุรกิจซาลอนในเมืองไทยยังสามารถขยายและเติบโตไปได้อีก เพราะตลาดค่อนข้างใหญ่มาก มีโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่ไปต่อในอนาคตได้ และช่างผมไทยเป็นช่างผมที่เก่งมาก ความสามารถเป็นที่ยอมรับในระดับโลก เห็นได้จากการที่ช่างผมไทย คว้ารางวัลมากมายจากการแข่งขันบนเวทีชั้นนำในประเทศต่างๆ หลายเวที และช่างผมไทยเท่าที่สัมผัสมีความพร้อม มีความมุ่งมั่น และมีความสนุกสนานที่จะเรียนรู้ เห็นได้จากในหลายๆ ครั้งที่ OCC จัดอบรม มีร้านซาลอนและช่างผมไทยจากทั่วประเทศให้ความสนใจเข้าร่วมงานเยอะมากค่ะ
คุณรมิดา : เรามองว่าธุรกิจซาลอนในเมืองไทยมีศักยภาพที่ดี สามารถขยายต่อไปได้อีกไกลค่ะ และเราเห็นถึงความแข็งแรงของช่างผมไทย จึงมีการนำร้านทำสีผมที่มีชื่อเสียงจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามา เราไม่ได้มองเรื่องของโอกาสทางการตลาดเท่านั้น แต่เพราะ fufu มีโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจ มีการบริหารจัดการที่ได้มาตรฐานสูง น่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้ช่างผมไทยได้เรียนรู้ เพื่อเพิ่มเติมทักษะ และเทคนิคใหม่ๆ รวมถึงระบบการจัดการที่ดี ด้วยเทคโนโลยีความงามที่ทันสมัย และได้มาตรฐานจากญี่ปุ่น ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาได้ต่อยอดความรู้ ความสามารถ เพื่อเดินทางบนเส้นทางสายอาชีพเสริมสวยได้อย่างมั่นใจและแข็งแรงขึ้นค่ะ
โมเดลธุรกิจ fufu และการร่วมทุนในประเทศไทย
คุณรมิดา : เราสนใจที่จะเปิดตลาดด้านไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ และเห็นว่าร้าน fufu ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่สนใจแฟชั่นการทำสีผม ด้วยเฉดสีที่มีความหลากหลาย เทคนิคการสร้างสรรค์เส้นผมที่ล้ำสมัย ความเชี่ยวชาญสูงของเทคนิเชี่ยน การบริการที่รวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน และร้านทำสีผม fufu มีระบบการจัดการที่น่าสนใจมาก ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างชัดเจน รวมไปถึงกลุ่มช่างผมไทยก็จะได้รับโอกาสที่ดีจากโมเดลธุรกิจนี้เพื่อเพิ่มทักษะ ความรู้ความชำนาญใหม่ๆ ซึ่งสามารถต่อยอด นำไปสู่การสร้างอาชีพที่แข็งแรงในอนาคตของตัวเองได้ ทั้งนี้ บริษัท ICC บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI , และบริษัท OCC จะเข้าไปในฐานะ Investor ผู้ร่วมลงทุนเท่านั้น ส่วนบริษัท Fast Beauty ประเทศญี่ปุ่น จะรับผิดชอบด้านการบริหารและการจัดการค่ะ
โมเดลธุรกิจ fufu กับการพัฒนาศักยภาพช่างผมไทยและธุรกิจซาลอนไทย
คุณธีรดา : อย่างที่คุณเบคกี้กล่าว เรามองในเรื่องของการส่งเสริม และการพัฒนา เรามองว่านี่คือ Soft Power อีกด้านนึงสำหรับประเทศไทย ปัจจุบันประเทศไทยมี Soft Power ที่นำไปสู่การสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจหลายมิติ อาทิ อาหารไทย สปาไทย สถานที่ท่องเที่ยวไทย และภาพยนตร์ไทย เป็นต้น เราเชื่อว่าร้านเสริมสวยไทย และช่างผมไทยจะสามารถเป็น Soft Power ให้กับประเทศไทยได้ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ภาครัฐ และภาคเอกชนควรให้การสนับสนุนค่ะ เพราะตลาดซาลอนในบ้านเรายังขยายตัวเติบโตไปได้อีก ช่างผมไทยเป็นช่างผมที่มีศักยภาพไม่แพ้ชาติใดเลย และประเทศไทยก็เป็นประเทศที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ เดินทางมาประชุม สัมมนา และท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นอยากให้มองอีกมุมนึงว่าการนำร้านซาลอน fufu เข้ามา ไม่ใช่เพื่อมาแข่งขัน แต่มาเพื่อเพิ่มโอกาสในการพัฒนาทักษะให้กับช่างผมไทย โดยไม่ต้องบินไปหาประสบการณ์นี้ถึงประเทศญี่ปุ่น และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ตลาดซาลอนไทยให้แข็งแรงยิ่งขึ้นด้วย เพราะญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของเทรนด์แฟชั่น เทคโนโลยีด้านความงามที่ล้ำสมัย และระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ เราสามารถเรียนรู้จากเขา แบ่งปันประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เพื่อเติบโตไปพร้อมๆ กันได้และลูกค้าชาวไทยก็จะได้ไม่ต้องบินไปทำผมที่ประเทศญี่ปุ่นหรือเกาหลี ส่วนชาวต่างชาติก็จะกลายเป็นลูกค้าของเรามากขึ้นในอนาคต เพราะช่างผมไทยและร้านซาลอนไทยให้การบริการที่ดีไม่แพ้ประเทศที่เป็นผู้นำแฟชั่นประเทศอื่นๆ ในโลกค่ะ
ก่อนหน้านี้มีประเด็นความเข้าใจผิดเรื่องการนำช่างผมหรือร้านทำผมญี่ปุ่นมาเปิดในไทย ซึ่งขัดต่อกฏหมาย เนื่องจากอาชีพช่างผมเป็นอาชีพสงวนให้เฉพาะคนไทย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
คุณธีรดา : ก็ตกใจมากนะคะตอนที่ทราบ เพราะเป็นการเข้าใจเราผิด เราทำธรุกิจค้าขายกับซาลอนในประเทศไทยมานาน ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีมาโดยตลอด เป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน เราไม่มีทางที่จะทำอะไรไม่ดีกับพันธมิตรของเราอยู่แล้ว เรามองเรื่องนี้เป็นเรื่องของการพัฒนา เป็นเรื่องของการต่อยอด เพราะช่างทำสีผม รวมถึง Hair Stylist ในร้าน fufu นั้นจะเป็นคนไทยทั้งหมดค่ะ เรื่องนี้เป็นความตั้งใจจริงของทาง Fast Beauty อยู่แล้ว ที่จะเข้ามาในลักษณะของการร่วมลงทุน และการบริหารที่สร้างสรรค์ โดยจะมีการสอนระบบการจัดการต่างๆ เทคนิคการทำสีผม ทักษะการทำผมใหม่ๆ และการบริการที่ได้มาตรฐานญี่ปุ่นให้แก่ช่างผมไทย จะไม่มีช่างผมญี่ปุ่นเข้ามาทำงานในร้านอย่างแน่นอน ประเด็นนี้ช่างผมไทยไม่ต้องกังวลว่าจะมีการแย่งอาชีพ เราเข้าใจบริบทของกฎหมายดีอยู่แล้ว ในส่วนของบริษัท OCC เอง เราทราบดีว่าลูกค้าคนไทย หรือซาลอนพาร์ทเนอร์ของเราชอบในเรื่องการเทรนนิ่ง การเพิ่มเติมทักษะ และองค์ความรู้ใหม่ๆ เพราะที่ผ่านมาเรามีการจัดคอร์สอบรมเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และ OCC ก็เปรียบเหมือนเป็นตัวเชื่อมโยงในการนำเทรนด์ และเทคนิคต่างๆ มาถ่ายทอดให้ลูกค้าของเราด้วย ซึ่งเราเชื่อว่าทาง fufu ก็เปิดกว้างในเรื่องนี้ โดยไม่ได้มองว่าเป็นการสอนช่างผมไทยให้มาแข่งขันกับร้าน fufu เพราะเรามีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจต้องโตไปด้วยกัน พัฒนาไปด้วยกัน ไม่ได้มองในเชิงของการแข่งขัน แต่ต้องการเข้ามาสร้างมาตรฐานให้ลูกค้าได้ใช้บริการร้านทำผมที่มีคุณภาพ โดยยังมองไปถึงอนาคตอีกด้วยว่า ถ้าเราสามารถสร้างฐานของธุรกิจซาลอนในเมืองไทยให้ใหญ่ขึ้น และแข็งแรงขึ้นได้ก็จะเป็นผลดีกับทุกๆ ฝ่ายค่ะ
ฝากถึงกลุ่มลูกค้า และช่างผมไทย
คุณรมิดา : สำหรับลูกค้าไทย เราอยากให้ร้านทำสีผม fufu เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เป็นสถานที่สำหรับคนที่ชื่นชอบการทำสีผมแฟชั่น หรือแม้แต่คนที่ต้องการทำสีผมเพื่อปิดผมขาว เรามั่นใจว่าร้านทำสีผม fufu จะให้ในสิ่งที่ลูกค้าของเราต้องการได้อย่างครบถ้วนค่ะ ทั้งเฉดสีผมที่สวยงาม คุณภาพของเส้นผมที่ดี การบริการที่รวดเร็ว และราคาที่ลูกค้าสามารถจ่ายได้ด้วยความสบายใจ สำหรับช่างผมไทย เราอยากให้ร้านทำสีผม fufu เป็นห้องเรียนแห่งการเรียนรู้ และการพัฒนาศักยภาพ เหมือนเรายกห้องเรียนจากญี่ปุ่นมาไว้ที่นี่ ความรู้ต่างๆ ที่ช่างผมไทยจะได้รับจากโมเดลธุรกิจ fufu จะอยู่กับช่างผมไทยไปตลอด ถ้าวันหนึ่งเขาอยากเปิดร้าน หรืออยากเป็นเจ้าของธุรกิจเสริมสวย ความรู้และประสบการณ์ที่เขาได้รับ จะทำให้เขาสามารถสานฝันได้อย่างมีทิศทาง และมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จค่ะ
คุณธีรดา : โดยส่วนตัว เรารู้สึกนับถือช่างผมทุกคนมาก เพราะอาชีพ ‘ช่างผม’ ไม่ใช่งานที่ง่ายเลย ต้องมีความรู้ความสามารถเฉพาะด้าน ต้องมีฝีมือ ต้องไม่หยุดที่จะเรียนรู้ ต้องมีความอดทนสูง ต้องมีใจรักในงานบริการ ต้องดูแลลูกค้าที่มีความหลากหลายในแต่ละวัน และยังต้องมีระบบการบริหารจัดการที่เข้มแข็งด้วย คุณถึงจะประสบความสำเร็จบนเส้นทางนี้ อยากให้ทุกคนมองเรื่องการเปิดร้าน fufu เป็นเรื่องของการพัฒนา การสร้างอาชีพ และการขับเคลื่อนธุรกิจเสริมสวยให้กลายเป็น Soft Power ที่ดึงดูดผู้คน นี่คือความตั้งใจ คือ จุดประสงค์หลักของเราจริงๆ เพราะเราเชื่อว่าการเรียนรู้ การส่งเสริม การพัฒนา และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน จะนำไปสู่การเติบโตร่วมกันและเป็นการเติบโตที่แข็งแรงและยั่งยืนค่ะ
Soft Power คือ อํานาจแห่งการโน้มน้าว เพื่อให้เกิดความต้องการ และการยอมรับอย่างเต็มใจ โดยมีวัฒนธรรมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน จากบทสัมภาษณ์ตั้งแต่บรรทัดแรกจนถึงบรรทัดสุดท้าย ทุกคําถามที่ Hairworld Plus+ ได้รับคำตอบ นำพาให้เราเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่าธุรกิจซาลอนไทย สามารถขยายตัว เติบโต และเบ่งบานกลายเป็นอีกหนึ่ง Soft Power ที่ดึงดูดผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้อย่างไม่มีข้อกังขา เพราะความสามารถของช่างผมไทย ความเป็นมิตรที่เผยให้เห็นผ่านการบริการในแบบไทย และความวาไรตี้ที่แสนมีเสน่ห์ของประเทศไทย ไม่เคยเป็นสองรองใครอยู่แล้ว คุณว่ามั๊ย!!!