สถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 เข้าสู่ภาวะวิกฤต และน่าเป็นห่วงมากๆ เพราะในขณะนี้รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวันสูงขึ้นเรื่อยๆ เกินกว่า 9 พันราย ทำให้ ศบค.ยกระดับมาตรการคุมเข้มอีกครั้ง ในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล เช่น กำหนดเวลาปิดร้านสะดวกซื้อ ส่วนห้างฯ เปิดได้เฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต-ร้านอาหาร-ธนาคาร
วันนี้ (9 ก.ค.2564) พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ มีมติยกระดับมาตรการป้องกันควบคุม COVID-19 และการพิจารณาระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วประเทศ ที่เป็นข้อสรุปของ ศบค.ชุดใหญ่ในวันนี้ โดยมีหลักคิดสำคัญ คือ 1.จำกัดการเคลื่อนย้ายการรวมกลุ่มของบุคคล เฉพาะพื้นที่ที่หลายคนคุ้นเคยกับการใช้คำว่า “ล็อกดาวน์ ” 2.กำหนดเวลาการออกนอกเคหสถาน หรือเคอร์ฟิว และ 3.เร่งรัดมาตรการทางการแพทย์และการเยียวยาให้เร็วที่สุด
ข้อปฏิบัติบังคับใช้ 6 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
สำหรับข้อปฏิบัติที่บังคับใช้เฉพาะ 6 จังหวัดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร มีดังนี้
จำกัดการเคลื่อนย้ายและการดำเนินกิจกรรมของบุคคลให้มากที่สุด (เฉพาะกรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล) ได้แก่ กำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนให้ Work From Home ให้มากที่สุด, ระบบขนส่งสาธารณะ ปิดให้บริการ 21.00 – 04.00 น.
ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ปิดเวลา 20.00 – 04.00 น., ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดเฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธนาคารและสถาบันการเงิน ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ สถานที่จำหน่ายอุปกรณ์มือถือ เครื่องมือสื่อสาร รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีน เปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
ร้านจำหน่ายอาหาร หรือเครื่องดื่ม ห้ามบริโภคอาหาร หรือสุรา หรือเครื่องดื่มในร้าน โดยเปิดได้ถึงเวลา 20.00 น., ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค ได้แก่ นวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานเสริมความงาม, สวนสาธารณะ เปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
ขณะที่สถานศึกษาในพื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด อนุญาตให้เรียนออนไลน์เท่านั้น ส่วน 6 จังหวัดห้ามรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางสังคมเกิน 5 คน ยกเว้นกิจกรรมทางศาสนา หรือกิจกรรมตามประเพณี เช่น งานศพ เป็นต้น
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.2564 เป็นต้นไป
จากคำสั่งนี้ทำให้ “ร้านนวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานเสริมความงาม” และ “ร้านทำผมในห้างฯ” ต้องปิดชั่วคราว 14 วัน ซึ่งหวังว่าหลังจากนี้สถานการณ์จะดีขึ้น และ Hairworld Plus+ ส่งกำลังใจให้ช่างผม และเจ้าของธุรกิจเสริมสวยทุกคนนะคะ #เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก Thai PBS
