ความเปลี่ยนแปลงในชีวิตเป็นสิ่งที่หลายคนหวาดกลัวและไม่อยากเผชิญหน้า แต่ถ้าเรามีความกล้าและความมุ่งมั่นตั้งใจ ย่อมสามารถก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง เช่นเดียวกับช่างผมรุ่นใหม่ไฟแรง ที่มาพร้อมสไตล์การแต่งตัวที่โดดเด่นสุดแซ่บ คุณแม๊กกี้–อัชฌา พุทธิชาติ เจ้าของร้าน MMC Mix Me Cutety Hair ที่ชีวิตของเขาพลิกผันจากการทำงานธนาคารจนมาเปิดร้านทำผมเป็นของตัวเอง ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากคนรอบข้างที่มองว่าเป็นความเสี่ยง แต่วันนี้เขาได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าการตัดสินใจของเขานั้นถูกต้อง Hairworld Plus+ ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับตัวตนและแนวคิดที่น่าสนใจในสไตล์คนรุ่นใหม่ของช่างผมคนนี้กัน
ทำความรู้จักกับ “แม๊กกี้ แห่งร้าน MMC Mix Me Cutety Hair”
ตอนนี้แม๊กเป็นช่างผม แต่ลูกค้าจะตั้งฉายาให้เราเป็น Beauty Coach หรือ Hair Designer มากกว่า เพราะงานที่เราทำจะเป็นการออกแบบทรงผมให้เข้ากับบุคลิกของลูกค้าแต่ละคน โดยดูจากไลฟ์สไตล์ บุคลิก รวมไปถึงลักษณะของเส้นผม และลักษณะของกะโหลกศีรษะด้วย นอกจากนี้ แม๊กยังมีโอกาสได้ทำในเรื่องของการดูแลบุคลิกของผู้เข้าประกวดต่างๆ อีกด้วยครับ
ก่อนจะมาเป็นช่างผม
ชีวิตของแม๊กมีความพลิกผันมากๆ ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว จากเด็ก ม.ต้นที่เรียนสายพละก็มาเปลี่ยนเป็นเรียนสายวิทย์-คณิตตอน ม.ปลาย พอเข้ามหาวิทยาลัยก็เปลี่ยนไปเรียนสายนิเทศศาสตร์ พอจบนิเทศฯ ก็เรียนต่อด้านบริหาร เรียนจบก็ไปทำงานธนาคารของรัฐวิสากิจแห่งหนึ่ง ก็ทำอยู่ประมาณ 4 ปีครับ
จุดเปลี่ยนของชีวิต…จากธนาคารสู่ร้านซาลอน
ตอนที่ทำงานอยู่ก็จะมีช่วงหนึ่งเราเกิดความรู้สึกว่า เวลาไปทำผมตามร้านแล้วมันมีน้อยครั้งมากที่ทำแล้วถูกใจเรา เราก็เลยปิ๊งไอเดียว่าการทำผมมันยากตรงไหนกันเนี่ย เลยเริ่มไปศึกษาหาความรู้ด้านนี้ในช่วงเวลาว่าง ก็ศึกษาด้วยตัวเองมาเรื่อยๆ จนมีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานทางด้านเส้นผมที่ต่างประเทศ จนเรารู้สึกว่าชอบอาชีพช่างผมขึ้นมา ก็เรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้แม๊กก้าวเข้ามาเป็นช่างผม
เรียนรู้เรื่องการทำผมอย่างไรบ้าง
แม๊กหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตก่อนว่าการจะเป็นช่างผมมันต้องทำยังไง ต้องรู้อะไรบ้าง ตอนนั้นยังไม่ได้ไปเรียนที่สถาบันใหญ่ๆ เพราะทำงานประจำอยู่และเรียนปริญญาโทด้วย มีเวลาว่างแค่ 2 วัน คือเสาร์-อาทิตย์ แม๊กก็เลยหาข้อมูลและเรียนด้วยตัวเองจากการดู YouTube และไปดูงานที่ร้านทำผมของเพื่อนๆ ตอนนั้นเราค่อยๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาเรื่อยๆ ไปทำตั้งแต่กวาดเส้นผมในร้าน เพื่อจะได้เห็นว่าผมมีกี่ประเภท มีชนิดไหนยังไงบ้าง ศึกษามาเป็นปีจนเราค่อนข้างมีความรู้ แล้วไปเรียนเพิ่มเติมที่ต่างประเทศ
การตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพท่ามกลางเสียงคัดค้านของครอบครัว
แม๊กใช้เวลาประมาณ 2 ปี กว่าจะตัดสินใจเข้ามาทำอาชีพทำผมจริงๆ เพราะว่าตอนทำงานธนาคารก็ทำอยู่ประมาณ 4 ปี 2 ปีแรกเราเริ่มสนใจและใส่ใจเรื่องทำผมแล้วล่ะ พอ 2 ปีหลังก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆ แล้วก็ตัดสินใจขอแม่ก่อน ขอก้าวมาสู่อาชีพช่างทำผม แต่แม๊กว่าคงจะมีหลายคนที่เกิดปัญหาเหมือนแม๊กคือที่บ้านไม่ยอมรับ เพราะยังมองว่าอาชีพช่างทำผมจะเป็นอาชีพที่ยั่งยืนหรือเปล่า จะทำให้เรามีกินมีใช้ไปตลอดหรือเปล่า แต่วันนี้เราสามารถพิสูจน์ให้เขาเห็นแล้วว่าช่างผมเป็นอาชีพที่ทำให้เรามีชื่อเสียง สามารถสร้างรายได้ แล้วทำให้ครอบครัวมีความสุขขึ้นด้วย
ก้าวสู่การเป็นช่างผม พร้อมเปิดร้านเป็นของตัวเอง
แม๊กไม่เคยเป็นลูกน้องใครเลยครับ แต่มีความกล้าที่จะมาเปิดร้าน คือก่อนเปิดร้านก็คุยกับอาจารย์หลายท่านที่เป็นต้นแบบในการทำงานของเรา มันก็มีความเสี่ยงนะสำหรับคนที่ไม่เคยทำธุรกิจเลยแต่อยู่ๆ ตัดสินใจมาทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ซึ่งก็ต้องขอบคุณหลายๆ คนที่ให้กำลังใจและเป็นห่วงมาตลอด ตั้งแต่ทำธุรกิจเป็นของตัวเองก็มีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ
ที่มาของชื่อร้าน MMC Mix Me Cutety Hair
M ตัวแรกหมายถึงการมิกซ์ ส่วน MC ก็หมายถึงตัวแม๊กเอง แต่ถ้าเราจะแปลว่าเป็น ‘มิกซ์แม๊ก’ มันก็ไม่ใช่ เราก็เลยใช้ชื่อว่า MMC Mix Me Cutety Hair คือเป็นสถานที่ที่คุณเข้ามาแล้วสามารถสวยหรือหล่อได้ สามารถมีบุคลิกภาพที่ดีได้ แล้วที่สำคัญลูกค้าที่มาทำผมที่นี่เรียกว่า “สวยที่ร้าน ไม่พินาศที่บ้านแน่นอน” คือเมื่อลูกค้าทำผมจากที่นี่แล้วกลับบ้านไปก็จะสามารถดูแลผมให้สวยได้ด้วยตัวเองในแบบฉบับที่เราสอนไว้ครับ
จุดเด่นของร้าน MMC Mix Me Cutety Hair
จุดเด่นของร้านน่าจะเป็นตัวแม๊กเองมากกว่า เวลามีลูกค้าเข้ามาก็จะถามหาเรา เพราะในการทำงานของแม๊กนอกจากเรื่องผลงานหรือทรงผมที่ทำให้ลูกค้าแล้ว เรายังขาย Personality Looks ด้วย ซึ่งลูกค้าที่เขาชอบสไตล์แบบนี้เห็นแล้วก็ประทับใจ อยากมาทำผมที่ร้านของเรา
เคยผ่านการประกวดหรือแข่งขันเวทีไหนมาบ้าง
ต้องบอกก่อนว่าจุดประสงค์ที่แม๊กเข้าแข่งขันไม่ใช่เพราะอยากได้รางวัลนะครับ แต่เพราะอยากแสดงศักยภาพและพิสูจน์ให้คุณพ่อคุณแม่ได้เห็นว่า ‘ในสายอาชีพนี้เราทำได้’ เวทีแรกที่เข้าประกวดคือเมื่อประมาณปี 2017 เริ่มจากประกวดรอบภูมิภาคก่อน ปรากฏว่าได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ และติดอันดับ 1 ใน 5 ผู้ที่ได้รับรางวัลถ้วยประทานของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ก็รู้สึกภูมิใจมาก และเป็นเวทีหนึ่งที่ทำให้เราเกิดจุดประกายอยากทำร้านของตัวเอง
เวทีประกวดที่ทำให้คนรู้จักมากขึ้น
การประกวดครั้งที่ 2 เป็นเวทีประกวด Lolane Pixxel The Professional Talent Hair Make Over Look 2018 “ผมสวยชีวิตล้ำ” SEASON 2 ได้รับรางวัลและได้ถูกคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 4 Talent Team 2018 ซึ่งแบรนด์นี้ก็ถือว่าเป็นแบรนด์หนึ่งที่ให้โอกาสเราได้มีที่ยืนตรงนี้ด้วยครับ นอกจากนี้ ก็มีเวทีประกวดของแบรนด์สินค้าจากอิตาลี ตอนนั้นได้รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ก็ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจนะครับ เพราะผลงานของเรานอกจากจะอยู่ในไทย ทีมงานที่ตัดสินเป็นคนต่างชาติเขาได้เห็นศักยภาพในตัวเรา ได้เห็นผลงานที่เราทำ เราก็แฮปปี้แล้ว ถือได้ว่าช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาเรารู้สึกมีความสุขในอาชีพนี้ และชื่อเสียงที่เราได้รับมาก็ทำให้คนที่บ้านไม่อายแล้วว่าเราประกอบอาชีพนี้ด้วย
ผลงานที่รู้สึกภาคภูมิใจ
แม๊กจะมองแตกต่างจากคนอื่นนะ คนอื่นจะมองว่าการทำผมให้เซเลบริตี้หรือดาราคือความโดดเด่นของอาชีพตัวเอง แต่แม๊กมองว่าการเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็น Star นั่นคือสุดยอดแล้ว คือให้คนธรรมดาๆ ทั่วไปสามารถพัฒนาบุคลิกภาพของตัวเองได้ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จ ซึ่งในส่วนของแม๊กก็มีโอกาสได้ทำในเรื่องของการดูแลบุคลิกของผู้เข้าประกวดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนางงาม นายแบบ หรือน้องๆ ดาวเดือนของถาบันการศึกษาต่างๆ คือไปเสริมให้พวกเขามีความมั่นใจมากขึ้นด้วยการมีทรงผมและสีผมที่สวยขึ้น รวมทั้งมีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น เพื่อให้พวกเขานำสิ่งเหล่านี้ไปต่อยอดตัวเองในอนาคต ซึ่งในปี 2019 นี้ร้านของเราก็ได้มีโอกาสดูแลผมให้ผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์ 10 จังหวัด ก็ต้องขอบคุณทางผู้ใหญ่ใจดีทุกๆ ท่านที่ให้เรามีส่วนร่วมในงานนี้ด้วย
อุปสรรคในการทำงาน
อุปสรรคมันมีอยู่ในทุกอาชีพเลยนะ แต่สิ่งสำคัญคือการให้กำลังใจตัวเอง และกำลังใจจากคนรอบข้าง ซึ่งอุปสรรคของแม๊กไม่ใช่มาจากลูกค้า และไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจด้วย แต่เป็นเรื่องของการพิสูจน์ตัวเองกับทางครอบครัว เพราะคุณพ่อคุณแม่ทำราชการ ท่านก็อยากให้เราเดินตามรอยตรงนั้น ซึ่งผู้ใหญ่เกือบทุกคนจะมองว่าการทำงานประจำหรืองานราชการเป็นอาชีพที่จะทำให้มีกินมีใช้ไปตลอด แม๊กก็อยากให้ครอบครัวได้เห็นว่ากว่าที่เราจะก้าวมาเป็นช่างผมได้มันต้องใช้ความพยายาม และอาชีพนี้มีความมั่นคง มีความแน่นอนในเรื่องของรายได้ ซึ่งพอเรามาถึงจุดนี้ได้ครอบครัวก็แฮปปี้มากขึ้น
สิ่งที่ทำให้ตัวเองมาถึงจุดนี้ได้คืออะไร
กำลังใจ ความมุ่งมั่น สติ แม๊กคิดว่าในสภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ถ้าคุณไม่มี 3 สิ่งนี้ก็จะไม่มีวันมาถึงจุดนี้ได้เลย และที่สำคัญอีกอย่างคือกำลังใจจากคนรอบข้างจากครอบครัวนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด
เป้าหมายในอนาคต
ความฝันของแม๊กก็คืออยากมีร้านทำผมที่เป็นทั้งสถานที่ในการสอนบุคลิกภาพ สอนแต่งหน้า ดูแลสีผมและเส้นผม เหมือนเราเป็นคลินิกดูแลตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งแม๊กไม่เคยทิ้งความฝันนี้และพยายามพัฒนาตัวเอง มั่นใจว่าเร็วๆ นี้จะได้เห็นกิจกรรมดีๆ แน่นอน
ในยุคนี้แฟชั่นมีความสำคัญกับช่างผมอย่างไรบ้าง
คุณจะตื่นนอนมาแล้วมาทำผมให้ลูกค้าเลยโดยที่คุณไม่ล้างหน้า ไม่แต่งหน้า หรือดูแลบุคลิกภาพไม่ได้นะครับ เพราะช่างผมคืออาชีพที่ต้องดูแลตัวเอง เมื่อเราดูแลตัวเองดีพอแล้วก็จะสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าว่าเราสามารถดูแลเขาได้เช่นกัน และยิ่งถ้าคุณมีแฟชั่นหรือมีสไตล์เป็นของตัวเองด้วย ไม่ว่าคุณจะแต่งตัวด้วยแบรนด์อะไรก็แล้วแต่ ถ้าลูกค้าเห็นแล้วชอบเขาก็จะประทับใจในตัวคุณ มันเป็นการเพิ่มมูลค่าให้ผลงานของคุณด้วย ก็ถือว่าแฟชั่นมีความสำคัญมากๆ
สไตล์การแต่งตัวที่ชอบ
แม๊กเป็นคนไม่มีสไตล์นะ แค่รู้สึกสนุกกับการแต่งตัว และเลือกในแบบที่ไม่ขัดกับความเป็นตัวเอง แล้วก็จะคิดว่าถ้าเราแต่งตัวออกจากบ้านแล้วรู้สึกโอเค เราก็จะทำงานอย่างมีความสุข
ของรักของหวง และของสะสม
จริงๆ ก็มีหลายอย่างนะครับ อย่างแรกก็มีพระพุทธชินราชทองคำแท้ที่ใส่กรอบไว้ คุณแม่เป็นคนให้มาตอนเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ส่วนอย่างที่สองที่เราซื้อบ่อยๆ จะเป็นพวกหมวกและกระเป๋า แม๊กเป็นคนชอบกระเป๋าหนังจระเข้ รู้สึกว่ามันค่อนข้างทน ใครเห็นก็ชอบ แบรนด์ที่ซื้อบ่อยและใช้มาตลอดก็เป็นแบรนด์ของคนไทยด้วย แต่จริงๆ แล้วของที่มีคนให้เรามาก็เก็บไว้ทุกชิ้นเลย เรียกว่าเป็นของรักของหวงก็ได้
วันว่างชอบทำอะไร
ถ้าเป็นวันว่างก็จะนอนพักผ่อนอยู่บ้าน หรือไม่ก็ดูหนัง แม๊กเป็นคนชอบดูหนังครับ
ในชีวิตประจำวันใช้สื่อโซเชียลอะไรบ้าง
ถ้าสำหรับการทำงานแล้วก็จะมีเฟซบุ๊ก ไอจี มันเป็นสื่อพื้นฐานที่เราใช้เพื่อทำให้มีคนรู้จักตัวเรามากขึ้น แล้วตอนนี้มีแอปพลิเคชันนึงที่แม๊กเพิ่งรู้จักไม่นาน แต่พอเข้าไปลองใช้แล้วรู้สึกว่ามันดีมากเลย นั่นคือแอปพลิเคชัน Hairworld+ เรารู้สึกว่ามันมีสาระความรู้ และก็เป็นสิ่งที่ช่างผมทุกคนควรจะลองใช้ เพราะคุณสามารถเข้าไปอัพเดตเทรนด์แฟชั่น และเทคนิคใหม่ๆ หรือจะเข้าไปดูไลฟ์สไตล์ของช่างผมต่างๆ และเข้าไปหาแรงบันดาลใจสำหรับการทำงานก็ได้ด้วย แล้วยังมีอาจารย์ช่างผมชื่อดังระดับประเทศหลายๆ ท่านได้เขียนข้อมูลอยู่ในนั้นให้เราอ่านได้เยอะเลย ที่สำคัญสามารถใช้ได้ 24 ชั่วโมง ไม่ต้องเสียเงิน เสียแต่ค่าเน็ตเท่านั้น
คิดว่าช่างผมในยุคดิจิทัลต้องมีการปรับตัวอย่างไรบ้าง
สมัยนี้มันไม่ใช่ยุค 4.0 แล้วนะ มันคือ 5.0 ทุกอย่างเป็น World Wide หมดแล้ว การทำงานของคุณจะมาอยู่ในลักษณะเดิมๆ ไม่ได้ ต้องมีการ Up Level เพิ่ม Skill ให้ตัวเอง ต้องหาความรู้ให้รอบด้าน และใช้สื่อดิจิทัลให้เป็น เพราะการที่คุณเป็นช่างทำผมในยุคนี้มันไม่ใช่แค่การทำผมแล้ว แต่คุณคือผู้ออกแบบทรงผมให้ลูกค้า คุณจะทำยังไงให้ชีวิตประจำวันของลูกค้าง่ายขึ้น ในยุคนี้ถ้าคุณดูแลลูกค้าดี ออกแบบทรงผมได้ถูกใจ และใช้สื่อดิจิทัลให้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าร้านของคุณจะอยู่ที่ไหน ลูกค้าก็จะตามไปเอง
ฝากถึงคนรุ่นใหม่ที่อยากเป็นช่างผม
ถ้าคุณอยากก้าวเข้ามาในอาชีพนี้ และมั่นใจว่ามันเป็นความฝันของคุณ คุณอย่าทิ้งความฝันนี้ คุณไม่ต้องฟังเสียงคนรอบข้าง ถ้ามีแรงบันดาลใจแล้วลงมือทำให้เต็มที่ ความสำเร็จจะไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ
มุมมองและแนวคิดในการทำงานของ คุณแม๊กกี้–อัชฌา พุทธิชาติ น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือออกจากกรอบเดิมๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่ดีกว่า แต่นอกจากความกล้าลองและกล้าเสี่ยงแล้ว การมีสติและความมุ่งมั่นก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพื่อให้เราก้าวเดินไปในเส้นทางที่เลือกได้อย่างมั่นคง