เรียกว่าทำเอาเหล่าช่างและเจ้าของร้านตัดผมถึงกับเป็นกังวลไปตามๆ กัน หลังจากกรมอนามัยได้เผยผลการประเมินกิจการผ่อนปรนในส่วนของร้านเสริมสวยที่ไม่ผ่านเกณฑ์สูงถึงร้อยละ 63.08 และมีส่วนที่ผ่านเกณฑ์รวมแล้วเพียงร้อยละ 36.92 โดยแบ่งออกเป็นผ่านเกณฑ์มาตรฐานระดับดีเยี่ยมร้อยละ 27.18 และผ่านเกณฑ์พื้นฐานร้อยละ 9.74 วันนี้ Hairworld Plus เลยอยากจะขอพาทุกท่านมาย้อนดูกันอีกครั้งว่า มีจุดใดในมาตรการผ่อนปรนที่เราพลาดไป พร้อมทั้งมีข้อมูลอัปเดตแนวทางการปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้ปลอดภัยสบายใจทั้งผู้ให้และผู้รับบริการมาฝากกันอีกด้วย
จากข้อมูลที่ทางกรมอนามัยได้เปิดเผยนั้นพบว่า เรื่องที่ร้านตัดผมสอบตกที่ไม่ผ่านเกณฑ์สูงถึงร้อยละ 43 คือเรื่องการไม่ได้บันทึกชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร วันและเวลาของลูกค้าที่เข้ามารับบริการ ต่อมาเป็นในส่วนของการไม่มีจุดคัดกรองพนักงานหรือผู้ให้บริการจะอยู่ที่ร้อยละ 30.26 และสุดท้ายเป็นเรื่องการให้บริการโดยไม่ได้มีการสวมใสหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยและแผ่นใสครอบหน้า (Face Shield) รวมทั้งเสื้อคลุมตลอดเวลาที่อยู่ในร้านอีกร้อยละ 15.38
จะเห็นได้ว่าข้อปฏิบัติต่างๆ นั้นมีเหตุผลที่สอดคล้องกัน ในแง่ของการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกข้อมูลของลูกค้า เพื่อให้ง่ายต่อการติดตามตรวจสอบในกรณีที่พบผู้ติดเชื้อ การมีจุดคัดกรองทั้งลูกค้าและช่าง รวมไปถึงการสวมอุปกรณ์ป้องกันอย่าง หน้ากากผ้า หน้ากากอนามัยและแผ่นใสครอบหน้า ก็ตอบโจทย์ในเรื่องของการป้องกันและลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาด
แต่ถึงแม้ว่าผลการประเมินการดำเนินงานที่ออกมา ตัวเลขของร้านที่ไม่ผ่านเกณฑ์นั้น อาจทำให้หลายคนเกิดความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการปลดล็อกดาวน์ในระยะที่ 2 สำหรับกิจการร้านทำผมหรือไม่ ล่าสุดทางด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ได้แถลงการณ์ในวันที่ 15 พ.ค. 63 เกี่ยวกับการผ่อนปรนระยะ 2 ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ วันที่ 17 พ.ค. 63 นี้ โดยให้ข้อมูลในส่วนของร้านเสริมสวยว่า ร้านเสริมสวย ร้านทำผมที่ให้บริการในห้างนั้น สามารถเปิดให้บริการได้แล้ว โดยยังสามารถทำได้เพียง การตัด สระ ไดร์ เท่านั้น และต้องทำตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ในส่วนเรื่องของการย้อมผม ดัดผม หรือบริการอื่นๆ นั้น ยังคงต้องรอดูกันต่อไป แต่อย่างน้อยๆ นี่ก็ถือว่าเป็นข่าวดีอีกขั้นหนึ่ง
ดังนั้นเรามาย้อนดูมาตรการผ่อนปรนของร้านเสริมสวยและร้านตัดผม เพื่อให้เราไม่พลาด การ์ดไม่ตก และห่างไกลจากโควิดกันดีกว่า
- ผู้ให้บริการต้องมีความรู้เรื่องการปฏิบัติตัวมีสุขอนามัยที่ดี มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายต้องไม่เกิน 37.5 องศาเซลเซียส
- สวมเสื้อคลุม หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย แผ่นใสครอบหน้าและถุงมือ ตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน
- มีจุดคัดกรอง และมีบริการเจลแอลกอฮอล์อย่างเพียงพอ
- ทำความสะอาดเก้าอี้ รวมถึงจุดบริเวณที่มีการสัมผัสร่วมกันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง/ครั้ง
- ร้านมีระบบการระบายอากาศที่ดี ถ่ายเทสะดวก เก้าอี้มีระยะห่าง 1-2 เมตร
- ทำความสะอาดอุปกรณ์ทั้งก่อนและหลังใช้งานทุกครั้ง รวมไปถึงการเปลี่ยนผ้าคลุมตัดผม 1 คน ต่อ 1 จัดการทำนัดจองคิวช่างตัดผมให้กับลูกค้า ไม่ให้ลูกค้านั่งรอที่ร้าน เพื่อลดความเสี่ยงและความแออัด
และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดที่สูงถึง 63.08% ในช่วงที่ผ่านมา การสร้างความน่าเชื่อถือ การปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกข้อมูลลูกค้าที่มาใช้บริการ การเพิ่มจุดคัดกรองให้เพียงพอ รวมถึงการสวมหน้ากากอนามัยของช่าง พร้อมด้วยแผ่นใสครอบหน้าและเสื้อคลุมตลอดเวลาที่อยู่ร้าน ก็เป็นการช่วยลดความเสี่ยง และนี่เป็นอีกวาระระดับชาติก็ว่าได้ที่เหล่าช่างผม และลูกค้าต้องร่วมด้วยช่วยกันเพื่อให้เชื้อโรคร้ายนี้หายไปโดยเร็ว
ทั้งนี้ทางกรมอนามัยยังได้แนะให้ทั้งร้านทำผม และผู้เข้ารับบริการยึดหลัก “ลดสัมผัส ลดเวลา และลดความหนาแน่น” เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่ายด้วย และสำหรับใครที่ไม่อยากพลาดข่าวสารในวงการเส้นผม รวมไปถึงความสะดวกสบายในการหาร้านเสริมสวย พร้อมด้วยบริการจองคิวร้านตัดผม โหลดแอปพลิเคชั่น Hairworld Plus+ ติดเครื่องไว้ได้เลย!