Milbon Thailand ครบรอบ 5 ปี กับการเติบโตที่ก้าวกระโดด นำทีมโดย คุณฮารุมิชิ โอคะซากิ
การก้าวเข้าสู่ประเทศไทยเพื่อแบ่งส่วนการตลาดกับแบรนด์ผลิตภัณฑ์เส้นผมอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยวิสัยทัศน์และการมองเห็นประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญ จึงทำให้ 5 ปีที่แล้วเราได้เห็นผลิตภัณฑ์เส้นผม แบรนด์ “มิลบอน” เข้ามาตีตลาด ที่นับเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมสำหรับช่างผมมืออาชีพอันดับ 1 ในญี่ปุ่น และได้รับความนิยมจากซาลอนญี่ปุ่นมากว่า 50 ปี ณ ปัจจุบัน “มิลบอน (ประเทศไทย)” ครบรอบ 5 ปีอย่างสวยงามและประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
มิลบอน เริ่มต้นจากการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำยาดัดเย็น โรลม้วนผม และแชมพู โดยใช้ชื่อบริษัท Yutaka Beauty Chemicals ซึ่งตั้งอยู่ร่วมกับบริษัท Milby Trading ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น Milbon Co.,Ltd. โดยมุ่งเน้นในการวิจัยและผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมเท่านั้น สำหรับชื่อ Milbon มาจากคำว่า Million Born เพื่อสื่อถึงการกำเนิดของสิ่งใหม่ๆ ได้มากมายมหาศาล มีโรงงานผลิตในระบบอัตโนมัติที่ล้ำสมัย มีศูนย์วิจัยที่ประกอบไปด้วยห้องปฏิบัติการต่างๆ สำหรับการก่อตั้งในประเทศไทยนำโดย คุณฮารุมิชิ โอคะซากิ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ มิลบอน (ประเทศไทย) บริหารดูแลทั้งในส่วนของโรงงานผลิต การขายและการตลาด ผู้ที่อยู่กับมิลบอนมากว่า 21 ปี คลุกคลีมาทุกขั้นตอน ทุกระดับสายงาน พร้อมประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากการเข้าหาซาลอนในแถบภาคตะวันออกของญี่ปุ่น จึงทำให้มีประสบการณ์เกี่ยวกับซาลอนมากมายหลายรูปแบบ Hairworld Plus ฉบับนี้จะพามาพูดคุยกับคุณฮารุมิชิถึงการบริหาร มิลบอน (ประเทศไทย) และการเติบโตที่พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง
จุดเริ่มต้นการเป็นครอบครัวเดียวกันกับมิลบอน
ก่อนที่ผมจะเริ่มต้นเข้าทำงาน ในสมัยนั้นมิลบอนมีจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นเพียงประเทศเดียว ซึ่งผมมองว่าอนาคตของธุรกิจในกลุ่มซาลอนยังไปได้อีกไกลมาก และผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของมิลบอนยังถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยแฮร์สไตลิสต์แก้ไขปัญหาเส้นผมให้กับลูกค้า ให้ลูกค้ารู้สึกดีกับผลลัพธ์ที่ได้ และกลับเข้ามาใช้บริการที่ซาลอนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงคอยคิดวิธีที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ใช้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นสินค้าส่วนใหญ่ยังผลิตมาเพื่อผมดำโดยเฉพาะ ซึ่งประชากรผมดำทั่วโลกมีถึง 75% ผมมองเห็นถึงความเติบโตของแบรนด์ในเส้นทางธุรกิจนี้ จึงตัดสินใจเข้าร่วมงานกับมิลบอน
จากมิลบอนญี่ปุ่นสู่ มิลบอน (ประเทศไทย)
เรามีการขยายสาขาหลายประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อเมริกา ตุรกี เยอรมัน และไทย รวม 14 ประเทศ ท่าน Ryuji Sato ประธานบริษัท มิลบอน จำกัด (สำนักงานใหญ่ประเทศญี่ปุ่น) มองว่า ASEAN เป็นจุดเริ่มต้นในการก้าวสู่ความสำเร็จในระดับสากล ซึ่งท่านเล็งเห็นว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญ จึงมีนโยบายให้ก่อตั้งบริษัทที่พร้อมไปด้วยการผลิตและจัดจำหน่ายที่นี่ โดยมอบหมายให้ผมมาดูแล
แนวทางการทำการตลาดในแต่ละประเทศ
โดยรวมแล้วคล้ายกัน คือ ให้ความสำคัญกับการไปเยี่ยมซาลอนแต่ละร้านพร้อมกับดีลเลอร์ เพื่อรับฟังและช่วยแก้ปัญหา พร้อมกับแนะนำเทคนิคและวิธีใช้ผลิตภัณฑ์แก่ซาลอนอย่างต่อเนื่อง แต่ต่างกันตรงที่ในประเทศไทยเราเพิ่งเข้ามาได้ไม่นานนักเมื่อเทียบกับแบรนด์เส้นผมอื่น ทำให้ลูกค้าอาจยังไม่กล้าตัดสินใจซื้อ และเลือกยี่ห้อของผลิตภัณฑ์ที่คุ้นเคยมากกว่า เราจึงมีการทำการตลาดไปยังกลุ่มลูกค้า End User ด้วย เพื่อให้คนไทยได้ทำความรู้จักแบรนด์มิลบอนมากขึ้น และสร้างไลฟ์สไตล์ให้คนเริ่มเข้าหาซาลอนเพื่อดูแลเส้นผมให้ดูดีอยู่เสมอ นับว่าเป็นการช่วยเพิ่มยอดขายและลูกค้าให้กับซาลอนอีกทางหนึ่ง
5 ปีที่ผ่านมากับการเติบโตของ มิลบอน (ประเทศไทย)
ในด้านองค์กร เริ่มแรก ออฟฟิศที่กรุงเทพฯ และโรงงานที่อมตะซิตี้มีพนักงานเพียง 20 คนเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นเป็น 70 คนแล้ว เรามีการส่งบุคลากรจากออฟฟิศที่กรุงเทพฯ และที่โรงงานไปเทรนด์ที่ญี่ปุ่นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการพัฒนาบุคลากรระดับผู้จัดการ โดยเฉพาะทีม Sale & Education ที่ต้องไปเยี่ยมเยียนซาลอนจะต้องมีความรู้เรื่องความงาม เทคนิคการทำผม และการบริหารร้านซาลอนเป็นอย่างดี เพื่อเป็นการสนับสนุนและพัฒนาซาลอนในประเทศ ทุกคนจึงต้องได้รับการอบรมที่ประเทศญี่ปุ่นก่อนเป็นระยะเวลา 7 เดือน จึงกล่าวได้ว่าเรามีสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุนให้พนักงานสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้
ในด้านผลิตภัณฑ์ ในปีแรกผลิตภัณฑ์ทุกอย่างนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งหมด แต่ในปัจจุบันโรงงานที่ประเทศไทยสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเทียบเท่าญี่ปุ่นได้แล้ว จึงทำให้มีอัตราส่วนการผลิตและอุปโภคในประเทศเพิ่มขึ้นสูงถึง 60% ซึ่งผลิตภัณฑ์หลักที่เราผลิตมากที่สุดก็คือสีย้อมผม ORDEVE ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในซาลอนไทยเป็นอย่างมาก
“ทุ่มเทอย่างสุดกำลัง” เป็นแนวคิดที่ขาดไม่ได้ในการทำสิ่งต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งแนวคิดนี้เป็นสิ่งที่ ที่ปรึกษาโคโนอิเคะ หนึ่งในสมาชิกร่วมก่อตั้ง บ.มิลบอน ที่ญี่ปุ่นได้ให้ไว้ก่อนที่ผมจะมาทำงานประเทศไทย
ความสำเร็จและเสียงตอบรับในประเทศไทย
พอใจมากครับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทีมงานมิลบอนที่นี่ทุกคนมีความทุ่มเทที่จะขับเคลื่อนแบรนด์นี้ไปข้างหน้าด้วยกัน ซึ่งช่วงต้นๆ ของการสร้างแบรนด์นั้น แน่นอนว่ามีอุปสรรคและปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ แต่เราทั้งหมดก็ช่วยกันจน ณ ตอนนี้มิลบอนเริ่มเป็นแบรนด์ที่ซาลอนเริ่มพูดถึงกันแบบปากต่อปาก อีกทั้งยังได้ทำธุรกิจร่วมกับดีลเลอร์ที่ดี ซึ่งส่งผลให้เราได้เจอกับร้านซาลอนที่ดีมากขึ้นทุกๆ วัน ในส่วนของโรงงานเรามีสมาชิกที่ดูแลและใส่ใจเรื่องคุณภาพสินค้าเป็นอันดับแรกมาตั้งแต่สมัยก่อตั้งโรงงาน ตอนนี้เสียงตอบรับดีมากจนต้องเร่งทำงานกันอย่างเต็มที่ในทุกๆ วัน และต้องขยายโรงงานเพิ่มเพื่อให้ทันต่อความต้องการของตลาดอีกด้วย ผมรู้สึกขอบคุณทุกๆ คนจากใจจริงๆ ครับ ส่วนฟีดแบคเราได้รับฟีดแบคที่ดีโดยเฉพาะเรื่องการให้การอบรมแก่ซาลอน และนี่คือจุดเด่นของมิลบอนที่มีมาอย่างยาวนาน ผมได้ยินมาว่าทุกๆ ซาลอนอยากให้เราทำการอบรมเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่มีการให้คำแนะนำอย่างละเอียดเช่นนี้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการไปอบรมที่ร้านซาลอนโดยตรง หรือการจัดอบรมที่สตูดิโอนอกสถานที่ก็ตาม
การบริหารงานในสไตล์คุณฮารุ
ผมเน้นการทำงานที่ช่วยกันคิดแก้ปัญหาและวางแผนไปด้วยกัน ซึ่งจะทำให้บุคลากรทุกคนมีการพัฒนาในการทำงานมากยิ่งขึ้น หากเราได้แต่สั่งให้ลูกน้องปฏิบัติตาม เขาก็จะหยุดอยู่กับที่ ไม่สามารถเติบโตขึ้นไปพร้อมกับเราได้ และถึงแม้การบริหารองค์กรจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด แต่ผมคิดว่าก่อนอื่นเราต้องพัฒนาความสามารถของบุคคลก่อน เพราะหากบุคลากรขาดประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว ตัวองค์กรเองก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน
มิลบอน (ประเทศไทย) ในอนาคต
ต้องมีอะไรใหม่ๆ แน่นอนครับ ทั้งในเรื่องผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะออกมารองรับความต้องการของซาลอนอย่างต่อเนื่อง และเราจะยังคงสนับสนุนวงการเสริมสวยในประเทศไทยอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการเพิ่มการจัดอบรมคลาสเล็กๆ ให้กับซาลอนอย่างใกล้ชิด เช่น การตัดผม การทำสีแบบใหม่ๆ เทคนิคการดัดผม เพื่อสนับสนุนช่างผมไทยให้มีโอกาสได้เรียนรู้และฝึกฝนฝีมือมากขึ้น และในอนาคตเราจะจัดกิจกรรมเพื่อให้แฮร์สไตลิสต์ที่มีฝีมือได้แสดงความสามารถออกมา ต้องคอยติดตามต่อไปครับ
ฝากถึงนักบริหารรุ่นใหม่กับการทำงานให้ประสบความสำเร็จ
การเป็นผู้บริหารถือเป็นการรับหน้าที่สำคัญภายในองค์กร โดยทั่วไปอาจจะคิดว่าหน้าที่ของผู้บริหาร คือ การคอนโทรลลูกน้องใช่มั้ยครับ ถ้าเช่นนั้นอยากให้ลองปรับเปลี่ยนทัศนคติสักเล็กน้อย อยากให้คิดว่าผู้บริหารคือ Leader (ผู้นำ) จะดีกว่า คือ เราต้องขวนขวายเรียนรู้มากกว่าคนอื่น ทำงานมากกว่าคนอื่น สามารถวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้ดี ซึ่งผลสุดท้าย การกระทำดังกล่าวของเราจะเป็นตัวอย่างให้แก่ลูกน้องเอง ที่สำคัญเราจะต้องตั้งเป้าหมายในการทำงาน เพื่อให้เรามีแนวทางในการทำงานอย่างชัดเจนแน่วแน่ แล้วเราจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก
นักบริหารที่มากประสบการณ์กับการทำงานที่มุ่งมั่น มองเห็นความสำคัญของบุคลากรและทุกปัจจัยสำคัญในการพัฒนาธุรกิจ ทำให้ในวันนี้ มิลบอน (ประเทศไทย) ภายใต้การบริหารงานโดย คุณฮารุมิชิ โอคะซากิ ค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีเป้าหมายชัดเจนและพร้อมที่จะทำสิ่งใหม่ๆ เพื่อการดูแลเส้นผมของคนไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ
# # #