สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ร้านทำผมที่ถูกสั่งปิดชั่วคราวกลับมาเปิดได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา แต่การเปิดร้านในครั้งนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป ช่างทำผมต้องปรับตัวกันครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบริการได้เฉพาะตัด สระ ไดร์ พร้อมกับมาตรการป้องกันต่างๆ อย่างเข้มข้นและเข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโควิดแพร่ระบาดอีกครั้ง
มาตรการต่างๆ เหล่านี้มีผลต่อรายได้ หรือการปรับตัวของช่างผมในด้านไหนบ้าง มาฟังความรู้สึกและมุมมองของ 3 เจ้าของร้านทำผมและบาร์เบอร์ในกรุงเทพฯ ที่หลายคนน่าจะรู้จักกันดี เริ่มจากเจ้าของร้านทำผมระดับตำนาน คุณชัยยศ นิมโรธรรม แห่งพิศมัยซาลอน, ช่างผมที่กำลังเป็นกระแสในโลกออนไลน์ คุณหนิง-อริยา โหสีลา แห่ง Hoseela Salon ปิดท้ายกับอินทีเรียร์ดีไซเนอร์ เจ้าของบาร์เบอร์สุดเท่ คุณฟีน-อนุรักษ์ ฆ้องวงษ์ แห่ง Pheen Barber Shop มาดูกันว่าการเปิดร้านช่วงโควิดทำให้ชีวิตช่างทำผมพบปัญหาหรือเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

ปรับตัวอย่างไร และแก้ปัญหาอย่างไรบ้างในช่วงที่ต้องปิดร้าน
คุณชัยยศ: ส่วนตัวได้มีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง จะต้องเตรียมปิดร้านเมื่อไหร่ คิดไว้ว่าน่าจะประมาณ 1 เดือน ก็ได้เตรียมวางแผนประชุมกับทีมลูกน้องทั้งหมด เริ่มจากเรื่องการเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดก็ขอให้งดไว้ก่อน และเรามีบริการหอพักให้อยู่ได้ฟรีโดยไม่คิดค่าเช่าในช่วงโควิด ซึ่งตรงนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่-รับเชื้อระหว่างเดินทางด้วย ในส่วนของรายได้ที่ขาดหายไป เราก็คิดถึงจุดนี้จึงได้ปรึกษาคุณแม่และลูกน้อง จนได้ร่วมมือกันทำน้ำพริกเผาสูตรคุณแม่ขึ้นมาขายเป็นรายได้เสริม ผลตอบรับดีมากๆ คุณแม่ลงมือกำกับสูตรด้วยตัวท่านเองเลยครับผม
คุณหนิง: ความโชคดีของเราคือเราตื่นตัวตั้งแต่ข่าวออกว่าโรคโควิดระบาด เรามีการเตรียมตัวทำความสะอาดร้าน ตั้งจุดวัดไข้ เจลแอลกอฮอล์ตั้งแต่หน้าร้าน จนกระทั่งทางรัฐนั้นสั่งให้ปิดร้านทำผม ช่วงที่ปิดร้านเราก็ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปสูญเปล่า เนื่องจากพนักงานในร้านพักกับเราส่วนใหญ่ เราก็เช็กเลยว่าน้องคนไหนยังไม่มีความชำนาญเรื่องอะไร ก็ให้มาฝึกสอนกันเองเพื่อพัฒนาฝีมือค่ะ ซึ่งในส่วนพนักงานเราขอความร่วมมือไม่ให้น้องเดินทางกลับภูมิลำเนา เพราะหากเขากลับก็ต้องกักตัวตามระบบของรัฐบาล
คุณฟีน: เริ่มแรกก็เก็บทำความสะอาดร้านทั้งหมด แล้วพูดคุยกับช่างในร้านว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ขอให้กักตัว 14 วันก่อน จากนั้นก็มีการเตรียมตัวเปิดบริการตัดผมที่บ้านให้กับลูกค้า โดยถามความสมัครใจของช่างว่ามีใครพร้อมบ้าง เพราะบางคนก็จะกลับต่างจังหวัด จากนั้นก็เริ่มทำโปรโมทในเพจของร้านว่าเรามีบริการตัดผมที่บ้าน โดยจะอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของความสะอาด ทั้งของตัวช่างที่จะป้องกันเต็มที่ มีการใส่แมสก์และใส่เฟซชิลด์ ส่วนอุปกรณ์ตัดผมเราก็จะทำความสะอาดให้ลูกค้าเห็น ในส่วนของลูกค้าเราก็จะแจ้งให้เขาเตรียมพื้นที่สำหรับตัดผมไว้ เช่น บางคนก็อยากให้ตัดในห้องแอร์ หรือบางคนก็ตัดที่สวนนอกบ้าน แล้วแต่ลูกค้าสะดวกครับ

วางแผนเตรียมตัวเปิดร้านยังไงกันบ้าง
คุณชัยยศ: ผมได้ศึกษาเรื่องมาตรการเบื้องต้นและกฎต่างๆ ที่ร้านทำผมต้องปฏิบัติตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายน โดยเตรียมกั้นโซนวางฉากอะคริลิคใส เว้นระยะห่างโดยใช้เก้าอี้บล็อกโซนลูกค้ากับช่างผมเพื่อความปลอดภัยและสบายใจในการเข้าใช้บริการของลูกค้า นอกจากนั้นก็ได้วางระบบทำความสะอาดเบื้องต้นโดยตัดผมลูกค้าเสร็จ 1 คนก็จะทำความสะอาดทันที เพราะร้านของเราไม่สามารถทำความสะอาดทุก 2 ชั่วโมงได้จึงเลือกใช้วิธีนี้ เมื่อก่อนช่างผม 1 คนก็จะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงในการรับลูกค้าได้ 1 คน แต่ตอนนี้ช่าง 1 คน รับลูกค้า 1 คน ต่อ 1 ชั่วโมง เราจะพยายามรับตามนโยบายทิ้งระยะห่างของทางรัฐบาล ส่วนลูกค้าที่มาใช้บริการตัดผมแบบเป็นครอบครัวหรือมากันหลายคน เราก็จะจัดจุดนั่งพักไว้สำหรับผู้ติดตามที่บริเวณหน้าร้านครับ
คุณหนิง: เราติดตามฟังมาตรการของรัฐอยู่ตลอดว่าอนุญาตให้ทำได้แค่ไหนอย่างไร จากนั้นก็เตรียมความพร้อมทั้งทำความสะอาดร้าน เตรียมชุดป้องกัน หน้ากาก จัดร้านโดยมีการเว้นระยะห่างต่างๆ เราจะอบรมพูดคุยกับพนักงานตลอด ซึ่งพนักงานเข้าใจได้ดีเนื่องจากเราปฏิบัติกันเป็นประจำ สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่จะมีการนัดกันล่วงหน้าอยู่แล้ว เราจึงจัดการลำดับคิวลูกค้าได้ชัดเจน
คุณฟีน: พอรู้ข่าวว่าเปิดร้านทำผมได้เราก็เรียกช่างมาทำความสะอาดร้านทั้งหมดตามหลักที่รัฐกำหนดมา แล้วเตรียมเรื่องการจัดโต๊ะเก้าอี้โดยเว้นระยะห่าง ไม่มีที่นั่งรอด้านใน และเตรียมเรื่องนัดคิวลูกค้า โดยเราจะไม่เปิดจองทางเพจร้านเพราะคิดว่าน่าจะมีปัญหา โดยจะรับลูกค้าที่โทรจองเท่านั้น นอกจากนั้นก็จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้ เช่น แมสก์ เฟซชิลด์ เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และผ้าคลุมตัดผมต่างๆ

เมื่อได้เปิดร้านแล้ว รู้สึกอย่างไร
คุณชัยยศ: ดีใจมากครับ ผมเชื่อว่าช่างทำผม เจ้าของร้านทำผมทุกคนต้องรู้สึกดีใจเหมือนผมแน่นอน เวลาที่ร้านทำผมถูกปิดส่วนตัวผมได้ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทำน้ำพริกขาย พอได้กลับมาเปิดร้านอีกครั้งเลยทำให้ผมได้คิดทบทวนถึงช่วงที่ก่อนหน้าที่เจอปัญหาโควิด ทางร้านเองได้มีความคิดที่จะปรับราคาค่าบริการขึ้นครับ เพราะมีค่าใช้จ่ายเรื่องอุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มขึ้น หลังจากที่ได้เปิดร้านแล้วผมเลยทำตามสิ่งที่ผมคิดไว้ครับ และได้อธิบายให้ลูกค้ารับทราบ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เข้าใจครับ
คุณหนิง: แน่นอนว่าดีใจที่ได้เปิดร้านเสียที เพราะลูกค้าเราเยอะมากที่อยากจะเข้ามาทำผม ธุรกิจเราเองก็จะได้ทำเงิน ให้ระบบมันหมุนเวียนสามารถเลี้ยงตัวเองได้ แต่อย่างที่บอกไปเรายังคงจัดการให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาลอย่างเคร่งครัดไปพร้อมๆ กันค่ะ
คุณฟีน: เปิดร้านแล้วก็รู้สึกดีครับ เพราะปิดร้านมานาน ซึ่งช่วงนั้นเราได้ช่วยเหลือเยียวยาช่างของเราแล้ว พอได้เปิดร้านก็เป็นเรื่องดีที่พวกเขาจะได้กลับมามีรายได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย แล้วร้านเองก็จะได้กลับมาบริการลูกค้าประจำของเรา
เปิดร้านช่วงโควิด ต้องพบเจอกับปัญหาอะไรบ้าง
คุณชัยยศ: เนื่องจากมาตรการที่รัฐบาลประกาศให้ทุกร้านเสริมสวยต้องมีมาตรการในเรื่องของการทำความสะอาดที่เพิ่มเติมมากขึ้น จึงทำให้ต้นทุนเรื่องค่าใช้จ่ายสูงขึ้นตามไปด้วย เช่น ค่าอุปกรณ์ทำความสะอาด ค่าแรงช่างผม ที่ต่อวันปกติเคยรับลูกค้าได้มาก แต่ตอนนี้ต้องลดน้อยลงเกือบหนึ่งเท่าตัว เพราะต้องรับลูกค้าแบบเป็นรอบๆ ทีมช่างที่ร้านนอกจากตัดผมลูกค้าแล้วยังต้องเหนื่อยเพิ่มมากขึ้นในเรื่องของการทำความสะอาด วิถีชีวิตของช่างทำผมเปลี่ยนไปเยอะมากครับ รวมไปถึงเรื่องเวลาในการเปิด-ปิดร้านด้วย แต่ช่างที่ร้านเราก็ร่วมแรงร่วมใจ กระตือรือร้นเรื่องทำความสะอาด และสร้างสรรค์งานผมให้กับลูกค้าจนได้รับคำชม ลูกค้ารู้สึกปลอดภัยที่มาใช้บริการของทางร้านเราครับ
คุณหนิง: ตราบใดที่โรคโควิด-19 ยังไม่หมดไปจริงๆ ก็น่าจะเป็นอุปสรรคในการตัดสินใจที่จะมาทำผมสำหรับลูกค้าบางราย แต่เรื่องนี้ไม่เป็นอุปสรรคในการทำงานของทีมงานเพราะโดยปกติแล้วในเรื่องการใส่หน้ากาก พนักงานเราใส่เป็นประจำก่อนโควิด ดังนั้น ที่ร้านไม่ได้มีปัญหาด้านการปฏิบัติตามมาตรการของรัฐค่ะ สิ่งต้องเน้นเพิ่มเติมคือ ก่อนเข้าทำผมให้ลูกค้า ทุกครั้งต้องล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง และหลังเสร็จจากทำผมลูกค้าก็ต้องล้างมือทุกครั้งด้วย ร้านซาลอนอื่นๆ อาจจะต้องเจอกับปัญหาเรื่องกฎหมายที่รัฐบาลออกมาที่อนุญาตเฉพาะตัด สระ ไดร์ เพราะสูญเสียรายได้ในเรื่องของการทำเคมี แต่ทางร้านเราไม่ได้รับผลกระทบตรงจุดนี้ เพราะได้วางแผนเรื่องราคาการให้บริการมาค่อนข้างสูงเหมาะสมกับคุณภาพความต้องการของลูกค้าอยู่ตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว
คุณฟีน: ในส่วนของร้านบาร์เบอร์จะไม่ค่อยได้รับผลกระทบเรื่องการจำกัดให้ตัด สระ ไดร์ได้เท่านั้น เพราะรายได้หลักเกินกว่า 70 เปอร์เซ็นต์มาจากการตัดผม ก็อาจจะมีเรื่องของการปิดผมขาวบ้างที่ยังทำตอนนี้ไม่ได้ ก็คงต้องรอให้มีการผ่อนปรนก่อนทางร้านจึงจะเริ่มทำให้ แต่ส่วนที่กระทบโดยตรงก็จะเป็นเรื่องการโกนหนวดเพราะต้องใช้ใบมีด ที่ต้องคำนึงถึงเรื่องความสะอาด และลูกค้าจะใส่แมสก์ก็ไม่ได้ด้วย ก็อาจจะทำให้รายได้ส่วนนี้หายไปบ้าง แต่รายได้หลักๆ ก็ไม่ได้ลดลงนะครับ เพราะมีการรับนัดคิวจองจากลูกค้าอยู่ ก็มีลูกค้ามาใช้บริการพอสมควรครับ
มีความคิดเห็นอย่างไรต่อมาตรการของภาครัฐ
คุณชัยยศ: ถ้าทางรัฐบาลประกาศออกมาตรการอะไรมา ผมอยากขอให้มีผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ ออกมาให้ข้อมูลความรู้กับร้านเสริมสวยให้มากขึ้น หรืออยากให้รัฐบาลศึกษาข้อมูลในการทำผมในแต่ละครั้งมากขึ้นด้วย อย่างในเรื่องของข้อกำหนดที่ให้ใช้เวลาทำผมไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อคน ตรงนี้อยากขอให้ทางรัฐพิจารณาเพิ่มเติมในเรื่องของการปิดผมหงอกผมขาวเพิ่มครับ เพราะผมเชื่อว่าช่างทำผมทุกคนสามารถพลิกแพลงเรื่องของการใช้เวลาในการทำผมให้ลูกค้าได้ครับ
คุณหนิง: โดยส่วนตัวเห็นว่าการจัดการ การรับมือต่างๆ ของรัฐในด้านป้องกันการแพร่เชื้อก็ทำได้ดี ถึงแม้ว่ามันเป็นโรคอุบัติใหม่ ไม่มีใครเข้าใจมันจริงๆ ในช่วงแรก การพยายามของรัฐที่ยอมเจ็บแต่จบนั้น มันส่งผลดีเป็นภาพรวมเรื่อยๆ เป็นที่ประจักษ์ว่ามันทำได้จริง และช่วยลดจำนวนผู้ป่วยได้จริง สำหรับมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อในร้านทำผม คิดว่าส่วนใหญ่ก็เข้าใจและเตรียมรับมือกันอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากหรือลำบาก เพราะเป็นมาตรการที่ออกมาเพื่อความปลอดภัยของตัวช่างทำผมและลูกค้ามากกว่าค่ะ
คุณฟีน: ในส่วนของมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อต่างๆ ที่ภาครัฐกำหนดมาผมก็ถือว่าดีนะครับ อย่างน้อยเป็นการสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น และจะไม่มีการระบาดในระลอกที่ 2 ซึ่งจากการที่เราเจ็บตัวไปในระลอกแรก เราก็ได้บทเรียนแล้วว่าควรป้องกันแบบไหน ผมก็เห็นด้วยที่ว่าค่อยๆ ผ่อนปรนทีละสเต็ปดีกว่า แต่ก็เข้าใจว่าทุกคนอยากให้เปิดเพื่อจะได้มีรายรับเข้ามาในร้าน แต่ก็อยากให้มองไปถึงอนาคตข้างหน้าด้วยว่าถ้าโรคมันกลับมาระบาดขึ้นอีกครั้ง ผลกระทบจะหนักกว่าเดิมนะครับ
อยากฝากอะไรถึงพี่น้องช่างผมบ้าง
คุณชัยยศ: ผมอยากให้กำลังใจทุกคนทุกอาชีพนะครับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สอนอะไรกับเราหลายอย่าง อยากให้ทุกคนเตรียมแผนการรองรับ เตรียมการล่วงหน้าไว้ เพราะเป็นเรื่องสำคัญมากนะครับ อยากขอให้ทุกคนมีสติเพื่อแก้ไขสถานการณ์ครั้งนี้ให้ผ่านไปให้ได้ ผมเชื่อว่ากลุ่มช่างผมเรามีความสามารถทำอะไรได้อีกมากมายหลายอย่าง ขอให้ทุกคนสู้นะครับ
คุณหนิง: วิกฤตโควิดครั้งนี้สอนอะไรเรามากมายค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเรื่องการเงิน การใช้ชีวิตโดยไม่ประมาท และไม่อยากให้พี่ๆ น้องๆ ร่วมอาชีพเครียดหรือวิตกกังวลจนเกินไป หลายคนน่าจะเคยผ่านความลำบากมาก่อนที่จะสร้างเนื้อสร้างตัว มีบ้าน มีรถได้เหมือนทุกวันนี้ ดังนั้น อย่าไปเสียเวลาหรือเครียดจนหาทางออกไม่ได้ แต่ควรจะหันมาดูว่าวันนี้เราทำอะไรได้บ้างแล้วทำไปเลยค่ะ เขาให้แค่ตัด สระ ซอย ก็ทำเท่านั้นไปก่อน ตราบใดที่คนเราต้องตัดผม ต้องดูดี อาชีพเราไม่มีวันอดตายค่ะ เราไปอยู่ตรงไหนก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ ทำเงินจากมันได้ ก็ขอให้ทุกคนสู้ค่ะ เรามาเริ่มสร้างกันใหม่นะคะ มั่นใจว่าทุกคนจะผ่านวิกฤตตรงนี้ไปได้ด้วยกัน
คุณฟีน: อยากฝากให้ช่างผมทุกคนใช้สติในการตั้งรับ อย่าตื่นตระหนก มันจะทำให้เราเครียด คิดหาทางออกไม่ได้ เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมานี้ก็ไม่มีใครได้เตรียมตัวตั้งรับ มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และทั่วโลกได้รับผลกระทบหมด ไม่เฉพาะประเทศไทย เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนใช้สติ แล้วค่อยๆ คิดหาทางแก้ไข ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอครับ